วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

ทําอย่างไรดี
เมื่อลูกขาโก่ง
 

ทําไมเบบี๋จึงขาโก่ง?
โดยทั่วไปแล้วเมื่อเบบี๋คลอดออกมา คุณแม่หลายท่านอาจสังเกตเห็นว่าขาและเข่าของลูกโก่งหรือโค้งงอเล็กน้อยทั้งสองข้างหรือข้างเดียว หรือปลายเท้าบิดเข้าด้านใน ซึ่งอาการนี้มักพบได้บ่อยในทารกแรกเกิด สาเหตุที่ทําให้ลูกขาโก่งอาจเกิดขึ้นเพราะตอนที่อยู่ในท้องแม่ในระยะสุดท้ายก่อนคลอด ตัวเด็กใหญ่ขึ้นจึงต้องเบียดตัวเองให้อยู่ในมดลูกที่มีเนื้อที่จํากัด ทารกส่วนใหญ่จึงมักจะอยู่ในท่าขัดสมาธิและงอสะโพกให้มากที่สุด

ในช่วงแรกเกิดถึงขวบปีแรก เบบี๋จะมีอาการขาโก่ง ซึ่งอาการนี้ จะค่อยๆ คลายออกตามธรรมชาติและการเจริญเติบโต เมื่อลูกเริ่มใช้เข่าหัดคลานหรือหัดเดิน ก็จะทําให้ข้อสะโพกแข็งแรงขึ้นและกระดูกจะค่อยๆ ปรับตัวเองให้ตรงขึ้น ทําให้อาการขาโก่งหรือเข่าโค้งปรับเข้าสู่ปกติได้เองเมื่อลูกอายุ 18-24 เดือน ดังนั้น ถ้าลูกขาโก่งในช่วงทารกถือว่าเป็นภาวะปกติทางสรีระร่างกายค่ะ

สังเกตขาของเบบี๋..ขาโก่งแบบนี้ปกติไหม?อาการขาโก่งของเบบี๋ คุณแม่สามารถสังเกตได้ง่ายๆ ค่ะ โดยถ้าเป็นอาการขาโก่งปกติมักจะเป็นตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งขาและเข่าจะโก่งหรือโค้งงอเท่าๆ กันทั้งขาซ้ายและขาขวา หากคุณแม่คอยสังเกตไปเรื่อยๆ จะเห็นว่าขาของลูกจะตรงขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อเริ่มโตขึ้นค่ะ

ทั้งนี้ ถ้าเป็นอาการขาโก่งตั้งแต่แรกเกิดในลักษณะนี้ คุณแม่ไม่จําเป็นต้องดัดขาเพื่อให้ขาของลูกตรง เพราะขาของลูก จะตรงเป็นปกติได้ตามวัยอยู่แล้ว

อีกสาเหตุหนึ่งของอาการขาโก่งของเบบี๋ เกิดจากความผิดปกติหรือผิดรูปของกระดูก โดยคุณแม่สามารถสังเกตขาของลูกได้ ดังนี้
• ขาทั้ง 2 ข้าง มีความโก่งไม่เท่ากัน
• ขาโก่งหรือบิดมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ตรงขึ้นตามอายุ
• ขาโก่งมากในบางตําแหน่ง โดยมุมที่โก่งหักเป็นมุมแหลม
• ขาโก่งร่วมกับตัวเตี้ย (ต้องวัดส่วนสูงและเทียบกับเส้นค่าเฉลี่ยตามวัย)

นอกจากนี้ โรคกระดูกบางโรคอาจมีสาเหตุจากพันธุกรรม และถ้าลูกตัวอ้วนมากก็ทําให้มีโอกาสป่วยเป็นโรคกระดูกงอหรือขาโก่งได้ง่าย ซึ่งคุณแม่ต้องสังเกตสัดส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ลูกประกอบด้วย ดังนั้น หากลูกมีอาการขาโก่งไม่หายตามวัยและคุณแม่ไม่ทราบสาเหตุ ก็ควรพาลูกไปพบคุณหมอเพื่อตรวจดูให้แน่ใจ เพื่อจะได้รักษาอาการได้ง่าย เพราะหากพบว่า ลูกมีอาการผิดปกติของกระดูกเมื่อลูกโตแล้ว การรักษาจะยากยิ่งขึ้นเพราะกระดูกของลูกเริ่มแข็งขึ้นแล้วค่ะ
 
ป้องกันไม่ให้เบบี๋ขาโก่งได้อย่างไร?
หากลูกขาโก่งไปตามพัฒนาการของขา คุณแม่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลและปล่อยไปตามธรรมชาติดีที่สุด แต่คุณแม่สามารถ ป้องกันไม่ให้ลูกน้อยขาโก่งมากขึ้นหรือกระดูกขาผิดรูปได้ ดังนี้

• ให้ลูกได้รับวิตามินดีอย่างเพียงพอ เพื่อให้ร่างกายสามารถ รักษาภาวะสมดุลของระดับแคลเซียมในเลือดและในกระดูก ถ้าขาดวิตามินดีจะทําให้เกิดโรคกระดูกอ่อน ขาจะโก่งหรือถ่าง เนื่องจากไม่สามารถรับน้ำหนักตัวได้ โดยวิตามินดีจะมีอยู่ในอาหาร เช่น นม ตับสัตว์ ไข่แดง เป็นต้น และคุณแม่ควรพาลูกน้อยไปเดินเล่นนอกบ้านเพื่อรับวิตามินดีจากแสงแดดยามเช้าบ้าง ก็จะช่วยเสริมสร้างกระดูกของลูกน้อยให้แข็งแรง

• การดัดหรือยืดขาทารกเบาๆ หลังอาบน้ำอาจไม่เกี่ยวกับการโก่งหรือไม่โก่งของขา แต่การดัดหรือยืดขาของลูกเบาๆ จะช่วยให้ลูกได้ยืดเส้นยืดสาย ทั้งนี้คุณแม่อาจใช้วิธีการนวดคลึง เบาๆ บริเวณขาของลูก ก็จะช่วยให้ขาของลูกแข็งแรงและลูกก็จะสบายตัวยิ่งขึ้นค่ะ

• นอกจากการนวดหรือดัดขาของลูกแล้ว คุณแม่ต้องคอยจัดท่านั่งและท่านอนของเบบี๋ให้อยู่ในท่าที่ถูกต้อง เพื่อจะไม่ทําให้ เกิดการโค้งงอหรือการผิดรูปของกระดูก
T i p s :  การยืดและนวดขาให้ลูกน้อย คุณแม่สามารถทําได้ง่ายๆ ดังนี้
 
• นวดขาลูกทีละข้าง โดยจับขายกขึ้นแล้วใช้มืออีกข้างจับรอบขา นวดคลึงเป็นวงกลม เริ่มจากต้นขาค่อยๆไล่ไปปลายเท้า แล้วใช้หัวแม่มือกดฝ่าเท้าลูกเบาๆ จากนั้นใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างคลึงขาลูกไปมาเบาๆ โดยให้สองมือของคุณแม่สวนทางกัน เริ่มจากหัวเข่าไล่ไปจนถึงข้อเท้า คลึงไปมา 5-10 ครั้ง

• คุณแม่อาจใช้มือจับขาของลูกและเหยียดให้ตรง หลังอาบน้ำ หรือถ้าเบบี๋อายุ 2 เดือนขึ้นไปแล้ว คุณแม่สามารถทําท่าถีบจักรยานให้ลูกได้ โดยให้ลูกนอนหงาย คุณแม่นั่งอยู่ตรงปลายเท้าของเบบี๋ แล้วจับที่น่องขาขวาและขาซ้ายข้างละมือ จากนั้นค่อยๆ งอเข่าดันไปที่ท้องหรือหน้าอก แล้วเหยียดออก ทําทีละข้างก่อน 5-10 ครั้ง แล้วจึงทําพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง ซึ่งท่านี้จะช่วยให้ข้อเข่าของเบบี๋แข็งแรง

• หากเบบี๋อยู่ในวัยที่สามารถคลานหรือเริ่มหัดเดินแล้ว คุณแม่สามารถทําท่าแยกขาให้ลูกได้ โดยคุณแม่นั่งด้านหลัง ลูก แล้วจับขาลูกทั้งสองข้างค่อยๆ แยกออกด้านข้าง จากนั้นให้ลูกโน้มตัวไปด้านหน้า โดยที่คุณแม่ยังจับขาไว้ ซึ่งท่านี้จะช่วยให้เด็กได้ยืดตัวมากขึ้นและช่วยดัดขาให้ตรงขึ้นด้วย

• ในขณะที่นวดหรือยืดขาของลูก หากลูกร้องหรือขาแดง แสดงว่าคุณแม่ออกแรงมากเกินไปจนทําให้ลูกเจ็บ ให้หยุดนวดหรือนวดให้เบาลงค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น